เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมกันแถลงความคืบหนี้คดีฆ่ายกครัว 3 ศพ ภายหลังพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากการทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ชิงรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน สิงหาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากคดี ชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดปาดคอฆ่าภรรยา และบุตร 2 คน อายุ 13 ปี และ 11 ปี รวม 3 ศพ แล้วปาดคอตัวเองหวังตายตาม เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว จว.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 สาเหตุเกิดจากความเครียดในเรื่องหนี้สินค้ำประกันการซื้อรถให้เพื่อนบ้านเป็นเงิน 800,000 บาท กรมบังคับคดีจะยึดบ้าน และเครียดที่ภรรยากู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน จนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเหตุสลดใจและสะเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า คดีนี้ได้ออกหมายจับชายผู้ก่อเหตุคดีฆ่ายกครัวแล้ว และได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งคลี่คลายคดี จนสามารถออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 22 หมายจับ และได้มีการจับกุม อายัดตัว และมารายงานตัว จำนวน 10 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 8 ราย คือ
1 – น.ส.สุชาดา จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
2 – นายวัชรพงษ์ จับกุมได้ที่ หมู่ 3 ต.เมืองไผ่ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
3 – นายชัยยา จับกุมได้ที่ หมู่ 1 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว
4 – น.ส.ณัฐณิชา จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
5 – นายอนิรุต จับกุมได้ที่ คอนโดมิเนียม แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.
6 – นายจำลอง จับกุมได้ที่ ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
7 – นายดานิล อัลดูเนนคอฟ จับกุมได้ที่ โรงแรมพาโนรามา ม.6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
และ 8 – นายโรมัน บริค จับกุมได้ที่ หน้าโรงแรมพรีเมียร์โฮสเทล ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ขณะเดียวกันอายัดตัว ลอง โซธีร์ ตัวที่ สภ.คลองลึก ส่วยนาย นายพีรดนย์ มารายงานตัว ที่ สภ.บางแก้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชี
ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้รายงานว่าได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือนายตำรวจระดับสูงและ ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา ในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ชาวจีน ที่ใช้ประเทศกัมพูชา เป็นฐานหลอกลวงคนไทย ความคืบหน้าจะได้เรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป
“ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าคนร้ายที่กระทำผิดคิดหลอกลวงเอาเงินจากพี่น้องประชาชน จะต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษทุกราย โดยเฉพาะพวกบัญชีม้าที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่น ใช้รับโอนเงินจากผู้กระทำผิดหลายราย หรือหลายๆ ครั้ง ถือว่า สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน หรือ ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามยึดทรัพย์สินจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ ทั้งนี้หากพบว่าเจ้าของบัญชีม้าได้ดำเนินการ โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา จะถือว่า เป็นผู้กระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้กระทำผิดมูลฐาน เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการทางแพ่ง โดยการยึด อายัด เงิน หรือ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายฟอกเงินดังกล่าวข้างต้น” ผบ.ตร.กล่าว